วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ครบรอบ 1 ขวบของน้องออสติน

แฮ๊ปปี้ เบริด์เดย์ ทู้ ยู....
แฮ๊ปปี้ เบริด์เดย์ ทู้ ยู....
แฮ๊ปปี้ เบริด์เดย์ ....แฮ๊ปปี้ เบริด์เดย์...แฮ๊ปปี้ เบริด์เดย์ ทู ยู.... ปู๊ดดดดดด (เสียงเป่าเทียนของพี่โอเปิ้ล)

วันที่ 4 มิถุนายน 2552 วันเกิดครบรอบ 1 ขวด..เอ้ยย 1 ขวบ ของน้องออสติน พอดิบพอดี ก่อนอื่นแม่ต้องขอโทษอย่างแรง ที่แม่หลงและลืมคิดว่าวันที่ 4 มิถุนา เป็นวันศุกร์ ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นวันพฤหัสฯ ดีๆนี่เอง...ทำให้แม่ไม่ได้ใส่บาตรพระในวันเกิดของลูก แต่ถึงอย่างไรความผิดพลาดคงไม่มีซ้ำสอง ในวันเกิดของลูกแม่ กับพี่โอเปิ้ลก็เลยชวนกันไปช้อปปิ้งที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า หลังจากที่แม่ไปรับพี่โอเปิ้ลหลังเวลาเลิกเรียน... แห่ะ แห่ะ...จริงๆแล้วเราสองคนชวนกันไปซื้อของขวัญให้น้องออสตินต่างหากล่ะ แถมด้วยการซื้อ "เค้กไอศครีม" ที่พี่โอเปิ้ลชื่นชอบ และอาหารที่จะต้องใส่บาตรในวันรุ่งขึ้น...พี่โอเปิ้ลเพียรพยายามหาของขวัญให้น้องออสตินอย่างขะมักเขม้น...สรุปว่าแม่กับพี่โอเปิ้ลเลือกที่จะซื้อ "หนอนน้อย" ไว้ให้น้องออสตินเดินลาก แถมพกด้วยของขวัญของพี่โอเปิ้ลอีก 1 อย่างนั่นก็คือ อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ที่พี่โอเปิ้ลอยากได้มาหลายวันแล้ววว....

เมื่อซื้อของทุกอย่างได้ครบกันแล้ว เราก็พากันกลับบ้าน พอมาถึงพี่โอเปิ้ลก็รีบกุลีกุจอที่จะแกะของขวัญของตัวเอง และ ของน้องทันที ประหนึ่งว่าเป็นวันเกิดของตัวเอง... เมื่อแกะกล่องของขวัญเรียบร้อยพี๋โอเปิ้ลก็รีบบังคับน้องให้ถือเชือกพร้อมกับเจ้ากี้เจ้าการให้น้องเดินทันที...น่าปลื้มใจจิงๆๆ ไม่รู้ว่า พี่ หรือ น้องกันแน่ที่อยากเล่นของขวัญชิ้นนี้..ฮ่า ฮ่า ฮ่า น่าเสียดายที่วันเกิดน้องออสตินทั้งที กลับไม่ได้เป่าเค็ก เนื่องจากว่า พ่อติดภาระกิจสำคัญกลับบ้านดึก และ น้องออสตินก็นอนหลับแต่หัวค่ำไปเรียบร้อยแล้ว..เค็กที่แม่กะพี่โอเปิ้ลซื้อมาเลยเป็นหม้ายไม่ 1 วัน แล้ว mission ของเราก็ possible ในวันรุ่งขึ้น ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตา จะขาดก็แต่ พ่อ และ ลุงป๊อป ส่วนสมาชิกที่เหลือไม่ว่าจะเป็น พี่อัพ พี่ปอ พี่โอเปิ้ล ป้าแอ้ และแม่ ต่างก็อยู่กันพร้อมหน้า..ล้อมหน้า...ล้อมหลัง...กินเค็กก้อนโตกันอย่างเอร็ดอร่อยไปตามๆกัน...ปีนี้พี่โอเปิ้ลเป็นตัวแทนของน้องออสตินในการเป่าเค็ก เพราะออสตินยังเล็กเกินกว่าที่จะเป่าเทียนให้ดับได้ ถึงกระนั้นแม่ก็ยังต้องกำชับพี่โอเปิ้ลว่าให้เป่าเอาแต่ลมออกมานะ... อย่าให้อย่างอื่นมันกระเด็นออกมาด้วย..มิฉะนั้นเค็กก้อนนี้คงต้องยกให้พี่โอเปิ้ลกินคนเดียวเป็นแน่แท้...
เอวัง...ก็เป็นประการ..ละ..ฉะ..นี้....จบบบ
โปรดติดตามตอนต่อไป...ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสเขียนเรื่องต่อไปอีกนะ...ท่านผู้ชม....

เปิดเทอมใหม่...ของวัยโจ๋ประจำบ้าน (พี่โอเปิ้ลงัยยย)

แหะๆๆๆ....หายกันไปเป็นเดือนๆ ถึงคราวที่แม่มีเวลาว่าง...มากพอที่จะเขียนเรื่องราวหนุกๆอีกครั้ง...เย้...สวรรค์เป็นใจซะที
เริ่มกันด้วยเรื่องของพี่โอเปิ้ล....
เปิดเทอมใหม่นี้...เป็นเทอมแรกของพี่โอเปิ้ลที่โรงเรียนจิตรลดา...เริ่มวันใหม่กันในวันที่ 21 - 22 พฤษภาคม 2552 สำหรับสองวันแรกนี้โรงเรียนอนุญาตให้เด็กๆมาเรียนเพียงครึ่งวัน และในวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 เด็กๆทุกคนจะต้องเริ่มต้นเรียนกันเต็มวันเป็นวันแรก.... ความวุ่นวายได้เกิดขึ้นแล้วสำหรับชีวิตคุณครูทั้งหลายในโรงเรียน เนื่องจากเด็กๆทุกคน จะต้องออกจากอ้อมอก (ทั้งใหญ่ และเล็ก)ของบรรดาคุณแม่ที่มีทั้งไฮโซ และ โลโซ (อย่างแม่งัย...) ไปอยู่ในอ้อมอกของคุณครู ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นงานที่หนักหนาเอาการ (เท่าที่แม่เห็น และคาดคะเนเอานะ) พี่โอเปิ้ลได้อยู่อนุบาล 1/1 เลขที่ 4 มีรูปภาพ "แอ๊ปเปิ้ลสีเขียว" เป็นสัญลักษณ์ให้จดจำกันได้ง่ายๆ
วันนี้พี่โอเปิ้ลทำให้แม่ประหลาดใจเป็นยิ่งยวดเพราะ...พี่โอเปิ้ลไม่ร้องไห้เล้ยยยย !!!! ผิดคาดจริงๆ ขนาดว่าได้ยินเพื่อนๆร่วมชั้นร้องไห้กันกระจองอแง..พี่โอเปิ้ลก็ยังอยู่ในอาการลัล..ลา ได้อย่างหน้าตาเฉย...ก็เลยทำให้แม่เบาใจไปได้เยอะเลยทีเดียว เพื่อนคนแรกที่โอเปิ้ลรู้จักก็คือ "น้องอีฟ" ซึ่งเป็นลูกสาวที่แสนจะน่ารักของป้าอร (อตินุช)นั่นเอง... น่าเสียดายที่แม่ไม่ได้ถ่ายรูป เพราะเกรงว่าถ้าหากโอ้เอ้อยู่นาน อาการลั้นลา ของพี่โอเปิ้ลจะค่อยๆหด..หาย กลายเป็นอาการเป่าปี่ อี้อี...ซะก่อน
สัปดาห์ต่อมา..เอาละซิ.. พี่โอเปิ้ลจะต้องเรียนเต็มวันแล้วด้วย แม่ก็ลุ้นระทึกกันเลยทีเดียวล่ะ ว่าพี่โอเปิ้ลจะยอมอยู่หรือเปล่า...แล้วก็โล่งอกอันหนักหน่วงของแม่จริงๆ พี่โอเปิ้ลไม่ร้องไห้เลยสักวัน พอไปส่งคุณครูตา กะพี่ใหญ่ พี่โอเปิ้ลก็ยอมอยู่ด้วยหน้าตาเฉย.. แถมตอนเย็นคุณครูตายังกระซิบบอกแม่ว่า โอเปิ้ลนัดเจอกับคุณครูที่ไม้ลื่นตอนเย็นทุกวันด้วยค่ะ เนื่องจากคุณครูตาไม่ได้สอนอนุบาล 1 แต่สอนอยู่ที่อนุบาล 2 คุณครูเพียงแค่มาช่วยดูแลเด็กในสองวันแรกเท่านั้นเอง โอเปิ้ลนัดกะคุณครูว่า "เอางี้ซิ ครูตา ถ้าครูตาไม่ได้สอนโอเปิ้ล เราก็มาเจอกันตรงนี้ทุกวันตอนเย็นงัย..ตกลงมั๊ย" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ... คุณครูขำมากๆ ที่พี่โอเปิ้ลนัดกับคุณครูราวกับผู้ใหญ่เค้านัดออกเดทกันแน่ะ... วันนี้แม่ได้รับคำชมจากคุณครูรัตน์ว่า "โอเปิ้ลรู้เรื่องทุกอย่างเลยค่ะ แล้วก็พูดเก่งมากกกกกจจริงๆ เลยค่ะ" แม่ก็มาเล่าให้พ่อฟัง เราสองคนก็แอบสรุปกันว่า สงสัยว่าคุณครูคงไม่กล้าพูดว่า "โอเปิ้ลพูดมากจริงๆเลยค่ะ" มากกว่านะ...
สัปดาห์แรกผ่านไปด้วยความโล่ง... และสบายใจ แต่สัปดาห์ต่อมา...เฮ้อออออ พี่โอเปิ้ลกลับร้องไห้ตั้งแต่วันแรกของการเริ่มต้นสัปดาห์ที่สองนี่ซิ...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่คุณครูบอกว่าร้องไม่นานก็หยุด..ทั้งๆที่ตอนอยู่ในรถ พี่โอเปิ้ลก็ยังลัล ลัล ลา เด็กน้อยสารภี...ลัล ลัล ลา ไม่ยอมฟังครู... กันอยู่เลย แม่คิดทบทวนอยู่หลายตลบ ก็สรุปเอาเองว่า สงสัยว่าพี่โอเปิ้ลคงจะกำลัง งง งง อยู่แน่ๆ เพราะแม่ไปส่งทีไรก็รีบกลับออกมา ไม่ให้พี่โอเปิ้ลทันได้ตั้งตัวทุกครั้ง พอสัปดาห์ที่สอง พี่โอเปิ้ลคงได้เวลาตั้งตัว อย่างที่พี่มาช่าว่าเอาไว้ ทำให้เกิดอาการปี่แตกขึ้นมาทันที...แต่ที่แม่ยังดีใจก็คือ พี่โอเปิ้ลไม่ได้ร้องไห้ทุกวัน จะร้องเพียงบางวันเท่านั้นเอง...ก็ถือว่ายังดีกว่าเด็กคนอื่นๆนะเนี่ยะ..